เมื่อประชากรทั่วโลกต้องเผชิญกับเชื้อไวรัสโควิด – 19
กลายเป็นโรคระบาดที่ยังต้องจับตามองอยู่ตลอดเวลา อย่างน่ากังวล
พบว่ามีเชื้อไวรัสหลายสายพันธุ์ และยังแพร่กระจายได้อย่ารวดเร็ว
ปัจจุบันมีไวรัสโควิด – 19 มากกว่า 6 สายพันธุ์
สายพันธุ์ที่ 1 เดลต้า พลัส
ถูกค้นพบครั้งแรกในยุโรป เป็นสายพันธุ์หนักที่น่ากังวลระดับโลก
สายพันธุ์นี้ยึดเกาะเซลล์ในปอดง่ายและรุนแรง หลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดี
อาการของสายพันธุ์ เดลต้า พลัส
ปวดศีรษะ มีน้ำมูก เจ็บคอ มีไข้ ไม่ค่อยพบการสูญเสียการรับรส
อาการคล้ายไข้หวัดทั่วไป
สายพันธุ์ที่ 2 อัลฟ่า
เป็นสายพันธุ์ที่มีการแพร่กระจายเชื้อได้ง่ายกว่า
สายพันธุ์ดั้งเดิมถึง 1.7 เท่า การผสมผสานการกลายพันธุ์นี้
จึงทำให้ไวรัสแพร่กระจายได้เร็วกว่า ในการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน
อาการของสายพันธุ์ อัลฟ่า
มีไข้ตั้งแต่ 37.5 องศา ขึ้นไป มีอาการเจ็บคอ
หายใจหอบเหนื่อย ปวดตามกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะร่วมด้วย
การรับรสหรือการได้รับกลิ่นผิดปกติ
สายพันธุ์ที่ 3 เบต้า
พบการกลายพันธุ์ที่แอฟริกา แพร่กระจายเชื้อไม่รวดเร็วเท่าสายพันธุ์เดลต้าและอัลฟ่า
ซึ่งลดประสิทธิภาพการตรวจจับของชุดตรวจแบบเดิม
อาการของสายพันธุ์ เบต้า
ปวดเมื่อยตามร่างกาย มีอการเจ็บคอ ท้องเสียร่วมด้วย
ปวดศีรษะ ตาแดง การรับรสหรือการได้รับกลิ่นผิดปกติ
มีผื่นขึ้นบริเวณผิวหนัง หรือนิ้วมือนิ้วเท้าเปลี่ยนสี
สายพันธุ์ที่ 4 โอไมครอน
สายพันธุ์ล่าสุดที่ถูกค้นพบก่อนช่วงสิ้นปี 2021
แพร่เชื้อได้เร็วกว่าสายพันธุ์เดลตา และส่งผลต่อประสิทธิภาพของวัคซีน
ด้วยความสามารถในการกลายพันธุ์ส่วนโปรตีนหนาม มากถึง 32 ตำแหน่ง
ไวรัสข้าสู่ร่างกายได้ดียิ่งขึ้น และเป็น สายพันธุ์ที่คนติดเชื้อเยอะที่สุด
อาการของสายพันธุ์ โอไมครอน
มีอาการไอ เจ็บคอ มีไข้ ปวดกล้ามเนื้อ
มีน้ำมูก ปวดศีรษะ หายใจลำบาก ได้กลิ่นลดลง (จำนวนที่พบมีน้อยมาก)
และยังค้นพบว่าไม่มีอาการ
ข้อมูลเบื้องต้นที่ทั่วโลกต้องปรับตัวเพื่อรับมือ และยอมรับกับการอยู่ร่วมกับโรคระบาดในครั้งนี้
ถือว่าเป็นวิกฤติครั้งใหญ่ และยังส่งผลกับการดำเนินชีวิตประจำวัน
และยังคงพัฒนากลายพันธุ์ได้อีกเรื่อยๆ จนอาจกลายเป็นโรคประจำถิ่น ได้ในที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.cigna.co.th/covid-mutation-health-crisis-should-be-understand